15 อันดับความงามที่แสนอัศจรรย์ ที่สุดในโลก
15 อันดับทะเลสาบที่มีความแปลกประหลาด ที่สุดในโลก! และประเทศไทย ทะเลบัวแดง ของจังหวัดอุดรธานี ก็ติดอันดับ 2 ของโลก มาดูกันว่ามีที่ไหนในโลกกันบ้าง
อันดับ 1 ทะเลสาบแมงกะพรุนไร้พิษ Jellyfish Lake : สาธารณรัฐปาเลา
ทะเลสาบแห่งนี้ เป็นที่ใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการดำน้ำ เป็นจุดดำน้ำยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก Jellyfish Lake ตั้งอยู่บนเกาะ Eil Malk ซึ่งเป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะ Rock Islands ที่สาธารณรัฐปาเลาสิ่งที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้โดดเด่นที่สุดคือ แมงกะพรุนทอง (Golden Jellyfish) นับล้านๆตัวแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ
อันดับ 2 ทะเลบัวแดง หนองหาน กุมภวาปี จ.อุดรธานี : ประเทศไทย
ทะเลบัวแดง บึงหนองหานเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ อยู่ในอำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วย พันธุ์ปลา พันธุ์นก และพืชน้ำจำนวนมาก โดยดอกบัวจะออกดอกมีปริมาณมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ และค่อยๆ ลดปริมาณลง ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นทะลบัวแดงที่สวยงามตระการตา และในช่วงเดือนธันวาคม จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี จะมีงานเทศกาลทะเลบัวแดงบานอีกด้วย
อันดับ 3 ทะเลสาบยางมะตอย ลา เบรีย พิตช์ La Brea Pitch Lake : ประเทศตรินิแดด
ทะเลสาบยางมะตอย หรือ La Brea Pitch Lake นี้เป็นทะเลสาบที่อยู่ในเมือง La Brea สาธารณรัฐตรินิแดด และโตเบโก น่าแปลกประหลาดสุดๆ เพราะทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบที่ไม่มีน้ำ มีแต่ยางมะตอย และเป็นยางมะตอยที่กำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยทะเลสาบนั้นมีขนาดประมาณ 244 ไร่ และมีความลึกราว 75 เมตร ยางมะตอยกลายเป็นสินค้าส่งออกของตรินิแดดอีกด้วย
อันดับ 4 บึงเดือด Boiling Lake : ประเทศโดมินิกา
บึงเดือด หรือ Boiling Lake ในประเทศโดมินิกา ประเทศหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติ “Morne Trois Pitons National Park” ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกโลก เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากทะเลสาป Frying Pan Lake ของประเทศนิวซีแลนด์ มีความกว้างราว 60 เมตร ลึก 59 เมตร อุณหภูมิริมทะเลสาบอยู่ที่ประมาณ 82 – 91.5 องศาเซลเซียส แต่ยังไม่สามารถวัดอุณหภูมิใจกลางทะเลสาบที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่ได้
อันดับ 5 ทะเลสาบแมนนิกัวแกน Lake Manicouagan : ประเทศแคนาดา
ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ในรัฐ Quebec ของประเทศแคนาดา มีลักษณะเป็นรูปวงแหวน เกิดขึ้นเมื่อราว 200 ล้านปีก่อนจากอุกาบาตลูกใหญ่เป็นอันดับ 5 ในจำนวนดาวเคราะห์น้อยทั้งหมดที่เคยพุ่งชนโลก ทำให้เกิดเป็นล่องลึกลงไป และกลายเป็นทะเลสาบ อีกชื่อที่ใช้เรียกกัน คือ “eye of Quebec” มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 100 กิโลเมตร
อันดับ 6 ทะเลสาบสีแดง ลากูน่า โคโลราด้า Laguna Colorada Lake : ประเทศโบลิเวีย
ลากูน่า โคโลราด้า หรือทะเลสาบสีแดง เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม และตื้น ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติ Eduardo Avaroa Andean Fauna ของประเทศโบลิเวีย น้ำในทะเลสาบเป็นสีแดงนี้เกิดจากตะกอน จุลินทรีย์ และสีของสาหร่าย และที่สำคัญ ตรงจุดนี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของนกฟลามิงโก้หลายสายพันธุ์อีกด้วย
อันดับ 7 ทะเลสาบลาวาในภูเขาเอเรบัส Mount Erebus : แอนตาร์กติกา
ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ในทวีปที่หนาวเย็นที่สุดในโลก บนความสูงถึง 12,500 ฟุต แม้จะเป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ แต่ผืนดินรอบทะเลสาบกลับมีอุณหภูมิสูงถึง 65 องศาเซลเซียส เพราะทะเลสาบที่ว่านี้ก็คือ “ทะเลสาบลาวา” ในปากปล่องภูเขาไฟเอเรบัสนั่นเอง ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 ปากปล่องภูเขาไฟจึงเป็นลาวาหลอมเหลวอยู่ตลอดเวลา และมี ลาวาบอมบ์ ที่เป็นก้อนลาวาร้อนจัดหลุดออกมาตามไหล่เขาเป็นครั้งคราว
อันดับ 8 ทะเลสาบสีชมพู ทะเลสาบฮิลลิเออร์ Lake Hillier : ประเทศออสเตรเลีย
ทะเลสาบฮิลลิเออร์นี้ตั้งอยู่บนเกาะมิดเดิ้ล ไอส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย แปลกประหลาดตรงที่ว่าน้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีชมพูเหมือนนมสตรอเบอร์รี่มิลค์เชค และถึงแม้ว่าในโลกนี้ยังมีทะเลสาบสีชมพูอีกหลายแห่ง แต่ทะเลสาบฮิลลิเออร์นั้นมีความแตกต่างจากทะเลสาบสีชมพูแห่งอื่นๆ ตรงที่น้ำในทะเลสาบเป็นสีชมพูจริงๆ ไม่ได้เกิดจากการตะกอน แสงสะท้อน หรือสาหร่ายในน้ำ เมื่อตักน้ำในทะเลสาบฮิลลิเออร์มาใส่ขวดก็จะได้น้ำสีชมพูใส และจะเป็นสีชมพูอยู่อย่างนี้ตลอดไปจนนักวิทยาศาสตร์อึ้งไปตามๆ กัน น่าอัศจรรย์ใจมาก ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่าสีชมพูนั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในเกล็ดของเกลือ
อันดับ 9 ทะเลสาบสุพีเรีย Lake Superior : สหรัฐอเมริกา
ทะเลสาบสุพีเรีย ตั้งอยู่ระหว่างรัฐมินนิโซตา, รัฐมิชิแกน และรัฐวิสคอนซินของสหรัฐอเมริกา กับรัฐออนแทรีโอของประเทศแคนาดา ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางมากถึง 82,170 ตารางกิโลเมตร และเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ความแปลกไม่เหมือนใครของที่แห่งนี้คือ เป็นทะเลสาบที่มีคลื่นลมแรง มันจึงกลายเป็นสวรรค์ของนักเล่นเซิร์ฟจากทั่วโลก
อันดับ 10 ทะเลสาบเมดิซีน Medicine Lake : ประเทศแคนาดา
ภายในอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ มีอยู่ในทะเลสาบลึกลับอยู่นั่นก็คือ ทะเลสาบเมดิซีนแห่งนี้ ทุกฤดูหนาวน้ำจะหายไปเหมือนที่นี่ไม่เคยมีน้ำมาก่อน เกือบเหมือนอ่างอาบน้ำที่ปล่อยน้ำออกได้อย่างน่าอัศจรรย์ ความจริงของสิ่งลึกลับนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วว่า ทะเลสาบเมดิซีน ไม่ได้เป็นทะเลสาบจริงๆ แต่เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่รับน้ำ “มาลีน วัลเลย์ (Maligne Valley)” ซึ่งในช่วงฤดูร้อนของทุกปีธารน้ำแข็งที่ปกคลุมบนภูเขาในแถบนี้จะละลายลงสู่แม่น้ำมาลีน โดยน้ำจากธารน้ำแข็งส่วนหนึ่งจะมารวมกันอยู่ที่นี่จนกลายเป็นทะเลสาบสวยงามในฤดูร้อนนั่นเอง
อันดับ 11 ทะเลสาบเนตรอน ทะเลสาบแห่งความตาย Lake Natron : ประเทศแทนซาเนีย
ที่นี่เป็นทะเลสาบน้ำเค็มสีแดงสดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแทนซาเนีย ซึ่งเป็นแหล่งรองรับน้ำจากแม่น้ำ Ewaso Ng’iro ในประเทศเคนย่า และมีธารน้ำพุร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุไหลผ่าน ตัวการที่ทำให้ทะเลสาบเป็นสีแดงนี้มาจากไซยาโนแบคทีเรีย นอกจากนี้น้ำในทะเลสาบยังมีพิษร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตราวกับได้จ้องนัยน์ตาของเมดูซ่า ด้วยความเป็นด่างสูงทำให้ซากสัตว์ทั้งหมดในบริเวณนี้ล้วนแล้วแต่มีลักษณะคล้ายถูกสต๊าฟไว้ แห้ง และแข็งเป็นหิน แต่ที่นี่กลับกลายเป็นถิ่นอาศัย และแพร่พันธุ์ของนกฟลามิงโกนับล้านตัว
** แร่เนตรอน ประกอบด้วย โซเดียมคาร์บอเนต (โซดา แอช) และโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบกกิ้ง โซดา) โดยมีโซเดียมคลอไรด์ (เกลือแกง) กับโซเดียมซัลเฟตปนอยู่เล็กน้อย ซึ่งสมัยอียิปต์โบราณมีการขุดแร่
เนตรอนจากก้นทะเลสาบที่เหือดแห้งใกล้แม่น้ำไนล์ เพื่อนำมาทำมัมมี่
อันดับ 12 ทะเลสาบแมคเคนซี่ Lake McKenzie : ประเทศออสเตรเลีย
ไม่มีทะเลสาบที่ไหนเจ๋งเท่าที่นี่อีกแล้ว เพราะเป็นทะเลสาบแห่งเดียวที่มีหาดทรายสีขาวที่เกิดจากแร่ซิลิก้าบริสุทธิ์ 100% ซึ่งแร่ธาตุนี้มักจะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ความงามเพื่อบำรุงเส้นผม, ผิว และเล็บ ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะเฟรเซอร์ ในรัฐควีนส์แลนด์ ด้วยความที่ทะเลสาบแมคเคนซี่ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำใต้ดิน น้ำในทะเลสาบจึงมาจากน้ำฝนล้วนๆ น้ำที่นี่จึงใส และมีความเป็นกรดสูงทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เจริญเติบโตอยู่ในทะเลสาบได้เลย ถึงแม้ที่นี่จะบริสุทธิ์ผุดผ่องขนาดไหน แต่ด้วยโลชั่นกันแดด ครีมต่างๆ นานาของนักท่องเที่ยวก็อาจทำให้ที่นี่เสียไปในไม่ช้า
อันดับ 13 ทะเลสาบพาวิเลียน Pavilion Lake : ประเทศแคนาดา
ทะเลสาบพาวิเลียน ตั้งอยู่ในหุบเขามาร์เบิ้ล แคนยอน ประเทศแคนาดา ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับความสนใจจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ และนักชีวดาราศาสตร์ทั่วโลก หลังมีนักดำน้ำพบโครงสร้างแปลกตาลักษณะคล้ายหินคาร์บอนหรือปะการังน้ำจืดที่ก้นทะเลสาบเมื่อปี ค.ศ. 1997 อันเป็นฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุดบนโลกและมีอายุมากถึง 3,450 ล้านปี ที่นี่ยังเป็นแหล่งดูนก ตกปลาเทราท์ แค้มปิ้ง เดินป่า พายเรือแคนู และดำน้ำแบบสคูบ้า และที่นี่ยังเป็นฐานปฏิบัติการร่วมภายใต้โครงการ “พาวิเลียน เลค รีเสิร์ช โปรเจ็ค” ของทีมสำรวจจากองค์การนาซ่าและองค์การอวกาศแคนาดา ตลอดจนสถาบันวิจัยต่างๆ จากทั่วโลกอีกด้วย ทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์และนักชีวดาราศาสตร์ขององค์การนาซ่าและสถาบันต่างๆ ยังคงปักหลักสำรวจและศึกษาอาณาจักรสัตว์เซลล์เดียวที่ก้นทะเลสาบแห่งนี้ เพื่อสืบหาต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตบนโลก (และดาวดวงอื่น)
อันดับ 14 ทะเลสาบมรณะ ทะเลสาบไนออส Lake Nyos : สาธารณรัฐแคเมอรูน
ทะเลสาบมรณะ “ไนออส” หรือ “คิลเลอร์เลค” เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในเขต Northwest Region ของแคเมอรูน ตั้งอยู่บนแนวภูเขาไฟที่มีพลัง ทั้งยังมีแอ่งแมกมาอยู่ใต้ทะเลสาบจึงมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมหาศาลรั่วซึมออกมาปะปนในน้ำ เมื่อเวลาผ่านไปนานนับร้อยๆ ปี ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สะสมอยู่ใต้น้ำก็ทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ใต้น้ำมีแรงดันสูงขึ้นตลอดเวลา ทะเลสาบไนออสจึงเปรียบเสมือนระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง ซึ่งในปี ปี ค.ศ.1986 เกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ น้ำใต้ทะเลสาบระเบิด และพุ่งขึ้นไปในอากาศถึง 300 ฟุต ตามมาด้วยสึนามิขนาดย่อมๆ การระเบิดของน้ำใต้ทะเลสาบในครั้งนั้นทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราว 1-3 แสนตันถูกปลดปล่อยออกมาสู่บรรยากาศด้วยความเร็ว 60 ไมล์ ต่อชั่วโมง ส่งผลให้ประชาชน 1,746 คน และสัตว์เลี้ยงกว่า 3,500 ตัวที่อยู่ในรัศมี 24 กม. เสียชีวิตเพราะขาดอากาศ
อันดับ 15 ทะเลสาบเดดซี Dead Sea : ประเทศจอร์แดนและอิสราเอล
ทะเลที่แสนมหัศจรรย์ของโลก ใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นคงจะชอบที่นี่เป็นพิเศษ คุณจะไม่มีวันจมน้ำอย่างแน่นอนเพราะทะเลสาบแห่งนี้ที่มีความเค็มมากกว่าทะเลทั่วไปถึง 10 เท่า จนคนสามารถลอยบนผิวน้ำได้ ทะเลสาบเดดซีมีความยาว 50 กม. กว้าง 15 กม. ลึกมากถึง 306 เมตร ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำเค็มจัด และลึกที่สุดในโลก พืชและสัตว์จึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ยกเว้นจุลินทรีย์ และการที่ทะเลสาบแห่งนี้อุดมไปด้วยเกลือและแร่ธาตุจึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและความงามที่สาวๆ ชื่นชอบ
ขอบคุณข้อมูลจาก CNN และ paow007.wordpress.com